New HAVAL H6 Hybrid SUV ฝ่าสายฝน พาเฟี้ยวเที่ยวสังขละ
หลังจากที่ HAVAL H6 Hybrid รถเอสยูวี รุ่นเรือธงของค่าย HAVAL ที่เน้นเทคโนโลยีและ ออปชั่นอัดแน่นอย่างความคุ้มค่าทำตลาดได้ประมาณ 2 ปี ก็ถึงเวลาปรับโฉมให้ดูหล่อเหลากันมากยิ่งขึ้น โดยการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ทำให้สะดุดตาแต่แรกเห็นด้วยกระจังหน้าใหม่แบบ Star Matrix พร้อมกันนั้นยังได้เพิ่ม เปิด-ปิด ฝาท้ายแบบไฟฟ้า รวมถึงมีระบบ แฮนด์ฟรี ช่วยเพิ่มความสะดวก สบายมากยิ่งขึ้น กับค่าตัว 1,349,000 บาท
สำหรับการทดสอบในครั้งนี้จะเป็นเส้นทาง กรุงเทพฯ – สังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ที่มีเส้นทางไว้รีดสมรรถนะของตัวรถครบทุกรูปแบบ โดยมีจุดสตาร์ทอยู่ที่ GWM Iconic Ranintra ขับขี่ในรูปแบบฟรีรัน กับระยะทางในช่วงแรกประมาณ 150 กิโลเมตร โดยจุดพักแรกอยู่ที่ ครัวอนงค์การญจนบุรี
สำหรับการฝ่าการจราจรตอนสายๆบนถนนรามอินทราที่หนาแน่น และ ยังมีการก่อสร้างเป็นระยะ ด้วยความคล่องตัวของ New HAVAL Hybrid SUV ที่มีกล้อง 360 องศา พร้อมด้วยระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา ทำให้การขับขี่ทำได้อย่างง่ายดาย และ เมื่อเข้าตัวรถเข้าสู้ถนนไทรน้อยแล้ว ด้วยกำลังของเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เทอร์โบ จับคู่กับ มอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวม243 แรงม้า และ แรงบิด 530 นิวตันเมตร ก็กลายเป็นพระเอกในการเดินทางขึ้นมาทันทีกับอัตรเร่งที่เหลือเฟือ ถึงแม้ New HAVAL H6 Hybrid จะมีโหมดการขับขี่ถึง 4 โหมด Eco , Nurmal , Sport ， Snow ถ้าคุณพ่อบ้านขับเดินทางกับครอบครัวแค่โหมด Nurmal ปกติก็เรียกได้ว่าเหลือเฟือแล้ว หากจะแอบซ่าส์บ้างก็จัดโหมด Sport ไปเลยจะให้อัตราเร่งแบบ ผิดหูผิดตากันเลยทีเดียว
หลังจากพักทานอาหารลางวันแล้วได้มีโอกาสเป็นผู้โดยสารตอนหลังดูบ้าง ต้องบอกเลยว่าวัสดุต่างๆให้ความรู้สึกที่ดีสัมผัสได้ถึงความตั้งใจ ซัพพทอร์ตเบาะของผู้โดยสารตอนหลังตอนหลังมีความกระชับแม้ว่าจะเข้าโค้งแรงๆ ตัวผู้โดยสารก็ไม่มีไถลจากเบาะ จะมีติบ้างก็คือองศาของเบาะนั่งสำหรับคนตัวใหญ่ๆจะรู้สึกว่านั่งทางยาวๆแอบติดเมื่อยอยู่นิดนึง หาเอนกว่านี้อีกเล็กน้อยจะเพิ่มความสบายได้มากโข
ช่วงระยะทาง 150 กิโลเมตร ก่อนเข้าสังละบุรีมีฝนเทลงมาชุ่มฉ่ำตลอดทาง พร้อมทั้งสถาพเส้นทางที่เป็นเขามีทั้งโค้งแคบ โค้งกว้าง ได้มีการตั้งค่าพวงมาลัยเป็นโหมดสปอร์ตเพื่อรองรับกับสภาพเส้นทาง สไหระบสภาพเส้นทางลาดชันและเป็นทางโค้งแบบนี้ต้องบอกเลยว่าระบบช่วงล่างของเจ้า New HAVAL H6 HYBRID ทำได้ดีเกินคาด ไม่ว่าจะเป็นการเติมคันเร่งส่งออกโค้งบนทางลาดชัน ระบบเบรก และยางติดรถที่ให้ ตอบสนองได้อย่างดีเยี่ม จะมีก็แค่อาการท้ายออกเบาๆในจังหวะที่เล่นแรงๆเท่านั้น อีกจุดนึงที่น่าสนใจก็คือแม้จะเป็นระบบเกียร์อัตโนมัติที่ไม่มีแพทเดิ้ลชิพมาให้เล่น แต่ด้วยความฉลาดของเกียร์ก็ทำให้ตัวรถสามารถเร่งแซงได้ต่อเนื่อง แม้ในการลงเขาที่ลาดชันระบบเบรกก็ทำงานได้ปกติไม่พบอาการเฟดแต่อย่างใด ตรงนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับ ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA) และ ระบบช่วยลงทางลาดชัน (HDC) ที่มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานติดรถ สำหรับอัตราสิ้นเปลืองที่ทำได้ในการทดสอบครั้งนี้คือ 8.8 ลิตร/100 กิโลเมตร หาคิดคร่าวก็จได้ประมาณ 11.4 กิโลเมตร/ลิตร จากการทดสอบจริงด้วยความเล็วสูงและเส้นทางเขา ซึ่งหาเป็นการขับขี่ทั่วๆไปได้เห็นแน่ๆกับอัตรสิ้นเปลือง 14 กิโลเมตร/ลิตร
ท้ายที่สุดนี้ต้องขอขอบคุณ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ที่ชวนมาร่วมเดินทางในครั้งนี้ครับ
